วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เชียงใหม่ฝุ่นเยอะ จราจรป่วยเพียบ


จากกรณีการใช้รถใช้ถนน เป็นจำนวนมาก ในปัจจุบัน ทั้งในกรุงเทพมหานคร และ จังหวัดหัวเมืองใหญ่ ได้ก่อให้เกิดปัญหาจราจรซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่คอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ตามบริเวณแยกต่าง ๆ เป็นอย่างมาก โดยสาเหตุใหญ่เกิดจากไอเสียจากรถยนต์ ซึ่งมีสารมลพิษหลายชนิด ทั้งฝุ่นละออง ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน และตะกั่ว ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต่างป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเป็นจำนวนมาก ตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวมาแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีงานวิจัยของ รศ.นพ.เฉลิมลิ่ว ศรีสกุล อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า หลังจากที่ได้เคยมีการตรวจสอบสมรรถภาพของปอดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเชียงใหม่ 138 ราย พบว่าพบมี 7 ราย ที่มีการตีบแคบของทางเดินหายใจขนาดเล็ก ซึ่งสาเหตุมาจากการสูดเอาฝุ่นธาตุเข้าไปในปอด ซึ่งเป็นความผิดปกติที่พบได้ในระยะแรก ก่อนที่ผู้ป่วยจะมีอาการทางปอดและการเปลี่ยนแปลงทางรังสีทรวงอก และจากการตรวจสอบหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ใช้งาน พบว่ามีฝุ่นละอองมาเกาะบนหน้ากากอยู่ระหว่าง 0.91-5.45 มคก./วัน

นอกจากนี้จากการสำรวจของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ในปีนี้ได้มี คุณภาพอากาศ มีค่า PM10 สูงสุด 282 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เกิดขึ้นเมื่อ 22 มีนาคม 2557 ค่าเฉลี่ยฝุ่นละอองในอากาศเกินมาตรฐานไป 20 วัน ซึ่งจากสภาพอากาศดังกล่าวได้ส่งผลกระทบให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแสบตา ภาวะการหายใจไม่สะดวกโดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคหอบหืด มีความเสี่ยงที่จะมีอาการทรุดหนัก ถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากขีดความสามารถในการทำงานของปอดลดลงอย่างรวดเร็ว และแม้ว่าอาจจะไม่เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด แต่ในระยะยาวมักจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด

ด้าน พ.ต.อ.สิทธิชัย ทนันไชย ผกก.จราจร เชียงใหม่ กล่าวว่า ในปัจจุบันพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มีความเจริญเติบโตขึ้นทุกด้านเป็นเหตุมีปริมาณผู้ใช้รถใช้ถนน ในการเดินทางสัญจรเพิ่มมากขึ้น มลภาวะทางอากาศจึงเพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลกระทบกับสุขภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ที่ออกปฏิบัติหน้าที่ดูแลปัญหาสภาพจราจรตามบริเวณสี่แยกต่าง ๆ ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยในเบื้องต้นนั้นได้มีการแนะแนวให้ป้องกันตัวเอง โดยการใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นละอองในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถ้าหากว่ามีเจ้าหน้าที่ท่านใดที่สุขภาพย่ำแย่ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในภาคสนามได้ ก็จะได้ทำการโยกย้ายให้มาปฏิบัติหน้าที่ด้านธุรการแทน เพื่อแก้ไขปัญหากำลังเจ็บป่วย และทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการลงมาให้การช่วยเหลือดูแลรักษาอย่างเต็มที่

เครดิต dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น