นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผบก.น.5 เผย ส่อทางตันเอาผิดอุ้มบุญ ยังแจ้งข้อหาญี่ปุ่นไม่ได้ หลังชัดให้คลินิกย่านวิทยุทำให้จริง ชี้ ยังไร้ กฎหมายรองรับ ต้องรอ สนช. พิจารณา ด้าน กก.สิทธิฯสัมมนาอุ้มบุญ ย้ำ คนทำได้ต้องมีเป็นสามีภรรยา
พล.ต.ต. สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 เปิดเผย สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า กรณีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ในข้อหา "อุ้มบุญ" ต่อแพทย์เจ้าของคลินิกออลไอวีเอฟ ย่านถนนวิทยุ และชายชาวญี่ปุ่น ที่มารับบริการอุ้มบุญ นั้น ในขณะนี้ยังทำไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายใด ๆ รองรับว่ามีความผิดอย่างไร ดังนั้น แม้ทาง ตร.บก.น.4 จะสอบสวนเชิงลึกได้ว่าลูกทั้ง 9 คน ของ นายชิเกตะ มิตซูโตกิ อายุ 24 ปี ชาวญี่ปุ่น ที่เป็นเจ้าของน้ำเชื้อนั้น ได้มาทำวิธีการอุ้มบุญที่คลินิกแห่งนี้จริงก็ตาม เพราะขณะนี้ เอาผิดได้เพียงเรื่อง พ.ร.บ.สถานพยาบาล ของ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเรื่องของจรรยาบรรณแพทย์ ของแพทยสภา เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะบังคับเรียกตัวชายชาวญี่ปุ่นเพื่อให้มาให้ปากคำ กระทำได้เพียงอย่างเดียวคือ สอบสวนว่ามีส่วนสนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดในคลินิคแห่งนี้ ที่ถูกแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้หรือไม่ได้เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดเหตุแห่งความผิด แต่ข้อหาก็จะเบาลงตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งที่สุดแล้ว กรณีนี้ ต้องรอ พ.ร.บ.เจริญพันธุ์ฯ ที่กำลังจะนำเข้าสู่ สนช. เป็นวาระเร่งด่วน ผ่านเป็นกฎหมายเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้เต็มที่
อนึ่ง รายงานล่าสุด ยังไม่ได้รับรายงานว่าชายชาวญี่ปุ่นได้เดินทางมาประเทศไทยแล้วหรือไม่
กก.สิทธิฯสัมมนาอุ้มบุญย้ำคนทำได้ต้องมีเป็นสามีภรรยา
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานอนุกรรมการสื่อสารสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดเวทีสาธารณะ เรื่อง อุ้มบุญอย่างไร ไม่กระทบสิทธิ ว่า การจัดโครงการดังกล่าวนี้ก็เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และยกระดับความรู้ความเข้าใจของสังคมและผู้เกี่ยวข้องในเรื่องการอุ้มบุญ ให้มีความตระหนักในมิติด้านศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อรวบรวมข้อมูลความรู้ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในการนำไปสังเคราะห์เป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการส่งเสริม คุ้มครอง และป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอันเกิดขึ้นจากปัญหาการอุ้มบุญในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์แท้จริง ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ หรือการอุ้มบุญนั้น ทำมาเพื่อช่วยคู่สมรสที่มีปัญหาในการตั้งครรภ์เท่านั้น และหากทำตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้องก็คงไม่กระทบสิทธิของบุคคลใดด้วย
เครดิต news.sanook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น